ถ้าพูดถึงสถานที่ลึกลับอันดับต้นๆ ของโลก สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) ต้องติดโผแน่นอน มันคือพื้นที่กลางทะเลที่โด่งดังเรื่อง “หายไปเฉยๆ” แบบไม่ทิ้งร่องรอย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน เรือ หรือแม้แต่คน! หลายคนเชื่อว่าที่นั่นมีอะไรบางอย่างที่เหนือธรรมชาติ หรืออย่างน้อยก็แปลกเกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะอธิบายได้แบบชัดเจน

บางคนฟังแล้วก็ขนลุก บางคนก็บอกว่า “เว่อร์ไปไหม” แต่ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ เรื่องเล่าจากเบอร์มิวดาก็ยังทำให้คนทั่วโลกพูดถึงมานานหลายสิบปีแล้ว ยิ่งมีข่าวใหม่ๆ ออกมา ก็ยิ่งเติมไฟให้ความสงสัยมันร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ

Bermuda Triangle

Bermuda Triangle - สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา อยู่ตรงไหน?

พื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา คือโซนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ซึ่งมีจุดเชื่อมโยงสามมุมหลักๆ คือ เบอร์มิวดา, ไมอามี และซานฮวน พอเชื่อมกันก็จะได้เป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ และภายในพื้นที่นี้แหละ ที่ว่ากันว่าสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นบ่อยแบบผิดปกติ

พื้นที่ตรงนั้นเป็นจุดผ่านของเรือเดินทะเลและเครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก เพราะมันเชื่อมเส้นทางระหว่างอเมริกา ยุโรป และแถบแคริบเบียน แต่ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีทันสมัยแค่ไหน ก็ยังมีข่าวการหายไปของยานพาหนะอยู่เรื่อยๆ แบบที่ไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัด

และไม่ใช่แค่สมัยก่อนนะ ยุคใหม่ที่มี GPS แล้ว ยังมีรายงานว่าเครื่องมือรวนหรือมีสิ่งผิดปกติในพื้นที่นั้นอยู่เลย ใครจะผ่านตรงนั้นก็ยังต้องระวังหรือหลีกเลี่ยงถ้าเลี่ยงได้

เกิดอะไรขึ้นใน Bermuda Triangle ?

เหตุการณ์ลึกลับในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเกิดขึ้นหลายครั้งแบบที่หาเหตุผลไม่ได้ บางครั้งเครื่องบินหรือเรือก็ติดต่อกับฐานได้ครั้งสุดท้าย แล้วหลังจากนั้นก็หายไปอย่างกับโดนดูดเข้ากลีบเมฆ ไม่มีซาก ไม่มีคลื่นวิทยุ ไม่มีการขอความช่วยเหลือ

ยกตัวอย่างที่คนพูดถึงกันเยอะมากคือ Flight 19 ที่เครื่องบินทหารหายไปทั้ง 5 ลำแบบงงๆ ซึ่งกองทัพอเมริกาก็ยังงงเองด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นภารกิจซ้อมที่ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดแบบนั้น แล้วที่น่ากลัวกว่าคือ เครื่องบินค้นหาที่ตามไป ก็หายตามไปอีกหนึ่งลำ!

ยังไม่รวมเคสเรือ USS Cyclops ที่หายไปพร้อมลูกเรือร้อยกว่าชีวิต หรือ Star Tiger และ Star Ariel ที่หายตัวปริศนาแบบไม่มีการติดต่อใดๆ ทิ้งไว้ คนที่รู้เรื่องพวกนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า?

แล้วมันหายไปได้ยังไงล่ะ?

ทฤษฎีที่พยายามอธิบายการหายไปของเรือและเครื่องบินในพื้นที่นี้มีหลากหลายมาก บางคนบอกว่ามันคือเรื่องทางธรรมชาติ บางคนบอกว่าเป็นเรื่องของพลังเหนือธรรมชาติ หรือแม้แต่มนุษย์ต่างดาวก็มีคนโยงมาด้วยเหมือนกัน

จุดที่น่าสนใจคือแต่ละทฤษฎีก็ดูมีน้ำหนักไม่มากก็น้อย อย่างเรื่องพายุ หรือคลื่นทะเลที่แรงผิดปกติในแถบนั้น ก็อาจทำให้เรือขนาดใหญ่ล่มได้จริงๆ โดยเฉพาะในอดีตที่ยังไม่มีเรดาร์หรือระบบแจ้งเตือน

แต่บางเหตุการณ์ก็เกิดในสภาพอากาศปกติ ฟ้าโปร่ง ไม่มีพายุ แล้วหายไปแบบไม่มีหลักฐาน นั่นแหละที่ทำให้มันกลายเป็นปริศนา เพราะถ้าจะบอกว่าเป็นภัยธรรมชาติทั้งหมดก็คงอธิบายไม่หมดจริงๆ

ทฤษฎีทางธรรมชาติ

นักวิทยาศาสตร์สายธรรมชาติเชื่อว่าเบอร์มิวดามีความเสี่ยงสูงเรื่องพายุและคลื่นยักษ์ โดยเฉพาะ “คลื่น Rogue Wave” ที่สามารถสูงได้ถึง 30 เมตรและทำลายเรือได้ในไม่กี่วินาที เรือขนาดกลางหรือเล็กโดนเข้าไปอาจไม่มีทางรอดเลย

อีกประเด็นคือ “ก๊าซมีเทน” ที่อาจพุ่งขึ้นจากก้นทะเลในรูปแบบฟองอากาศขนาดยักษ์ พอไปกระทบกับเรือด้านบน น้ำก็จะสูญเสียแรงพยุง ทำให้เรือจมทันทีโดยไม่มีเวลาแจ้งเตือนใดๆ ซึ่งทฤษฎีนี้มีการทดลองจำลองในห้องแล็บมาแล้ว

แต่อย่างที่บอก มันอาจอธิบายได้บางกรณีเท่านั้น เพราะยังมีเหตุการณ์ที่ไม่ตรงกับทฤษฎีนี้อยู่เยอะมาก เช่น เครื่องบินที่หายไปบนฟ้า ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับคลื่นหรือก๊าซมีเทนเลย

ทฤษฎีสนามแม่เหล็กผิดปกติ

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นหนึ่งในจุดไม่กี่แห่งของโลกที่สนามแม่เหล็กโลก “เบี้ยว” กว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้เข็มทิศชี้ผิดทิศ และอุปกรณ์นำทางบางชนิดใช้การไม่ได้ อันนี้อาจทำให้เครื่องบินหรือเรือหลงทางแล้วเกิดอุบัติเหตุได้

มีรายงานจากนักบินหลายคนว่า เข็มทิศของเขาเพี้ยนหรือหมุนมั่วเมื่อผ่านบริเวณนั้น บางคนก็เล่าว่า GPS ดับไปดื้อๆ ทำให้ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

แม้ในยุคนี้จะมีระบบนำทางที่แม่นยำมากขึ้น แต่ถ้าสัญญาณถูกรบกวนหรือระบบล่มชั่วคราว ก็อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เหมือนกัน

ทฤษฎีมนุษย์ต่างดาว (UFO)

ทฤษฎีนี้อาจฟังดูเว่อร์ แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ยังเชื่อว่า พื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาคือ “จุดเชื่อมต่อกับต่างดาว” หรือไม่ก็ “ฐานลับ” ของมนุษย์ต่างดาวใต้ทะเลลึกที่เราไม่มีทางเข้าถึงได้

บางคนเชื่อว่า UFO ดึงเครื่องบินหรือเรือขึ้นไปศึกษาหรือจับคนไปทดลอง เพราะลักษณะการหายไปมันดู “เกลี้ยงเกลา” จนไม่น่าเป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดา

และที่น่าตกใจคือ บางกรณีมีพยานเห็นแสงประหลาดบนท้องฟ้าหรือแสงพุ่งขึ้นจากผิวน้ำก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบกริบไป คำถามคือ…จะบังเอิญได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?

ทฤษฎีมิติคู่ขนาน / หลุมมิติ

ถ้าใครชอบหนังไซไฟแนวหลุดเข้าไปอีกโลกนึง ต้องชอบทฤษฎีนี้แน่นอน เพราะมีความเชื่อว่าในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีช่องว่างทางอวกาศหรือ “หลุมมิติ” ที่พาเรือหรือเครื่องบินหายไปในพริบตา

บางคนถึงกับเสนอว่า ที่นั่นคือ “ประตูมิติ” ที่เชื่อมกับอีกมิติคู่ขนาน หรือช่วงเวลาที่ต่างออกไป พอเรือหรือเครื่องบินเข้าไปก็ถูกดูดหายไปเลย เหมือนหายไปในจักรวาลอื่น

แน่นอนว่าทฤษฎีนี้ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้จริง แต่ก็ยังถูกพูดถึงอยู่เรื่อยๆ เพราะมันช่วยเติมสีสันให้กับตำนานเบอร์มิวดาได้ดีสุดๆ

ความจริงหรือแค่เรื่องเล่า?

มีนักวิชาการบางกลุ่มออกมาเบรกว่า จริงๆ แล้วเหตุการณ์หายไปในเบอร์มิวดาไม่ได้มากกว่าพื้นที่อื่นเท่าไหร่ แต่พอมีข่าวหรือเรื่องเล่าแบบลึกลับมันก็กลายเป็นกระแส ทำให้ดูน่ากลัวขึ้นกว่าความเป็นจริง

อีกมุมคือ บางเหตุการณ์ที่หายไปในอดีต อาจเป็นเพราะเทคโนโลยียังไม่พัฒนา ไม่มีการเก็บข้อมูลหรือบันทึกไว้ดีเท่าทุกวันนี้ จึงไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

แต่ก็ยังมีบางเคสที่หายไปแบบ “ไร้คำอธิบาย” จริงๆ ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้มันยังคงเป็น “ปริศนา” ที่คนยังเล่าต่อกันอยู่ถึงทุกวันนี้

แล้วเกี่ยวอะไรกับหวยไว?

ถ้าพูดถึงสิ่งที่ “เดายาก” และ “ลุ้นทุกครั้ง” ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการเสี่ยงโชค บางคนก็โยงความลึกลับของเบอร์มิวดากับความไม่แน่นอนของการเล่น หวยไว ที่ต้องลุ้นทุกงวด แต่ก็สนุกทุกทีที่ได้เสี่ยง

ความต่างคือ ถึงเบอร์มิวดาจะทำให้ทุกอย่างหายไป แต่ถ้าเล่น หวยออนไลน์ถูกกฎหมาย อย่างเช่นเว็บที่มีระบบชัดเจนและโปร่งใส เราก็มั่นใจได้ว่าเงินไม่หาย แถมยังมีโอกาสได้เงินก้อนใหญ่กลับมาอีกด้วย!

หวยไวให้คุณลุ้นเร็ว ได้รู้ผลไว เหมาะกับคนที่อยากเสี่ยงแบบมีหวัง ต่างจากเบอร์มิวดาที่พอหายไปก็แทบไม่ได้กลับมาเลยจริงๆ